“เราไม่เคยพบน้ำปริมาณมากขนาดนี้ในถ้ำผาผึ้ง”
เมื่อพอล ดัมเมอร์ และมาร์ติน เอลลิสแจ้งให้เราล่วงหน้าทีมสำรวจไปติดตั้งระบบเชือกที่ถ้ำผาผึ้ง ซึ่งเป็นถ้ำที่มีโถงขนาดใหญ่และต้องใช้การโรยตัวบนเชือกกลางอากาศลงไป 93 เมตร เราตอบรับทันที อะไรจะเป็นการเติมไฟให้ความก้าวหน้าได้ดีไปกว่านี้?
หน้าที่ของเราคือการติดตั้งระบบเชือกก่อนที่จอน โวลันเธน และ คริส จีเวล นักดำน้ำถ้ำชาวอังกฤษจะเดินทางมาถึงน่าน เพื่อที่พวกเขาจะได้ลงไปที่พื้นถ้ำไวที่สุดเพื่อพิจารณาว่าต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อดำลงไปที่ความลึก 468 เมตรของถ้ำผาผึ้ง ถ้ำที่ลึกที่สุดในประเทศไทย
เราเคยทำงานร่วมกับพอล และนักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษคนอื่น ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ในระหว่างการเดินทางนั้น เราได้ร่วมงานกับทีมอังกฤษเพื่อสำรวจและทำรายงานเกี่ยวกับถ้ำทั้งหมดในพื้นที่ ซึ่งหลายแห่งได้สำรวจมาตั้งแต่ปี 2007 ในช่วงเวลา 14 วัน คณะของเราสำรวจ และทำแผนที่ถ้ำ 14 แห่ง โดย 6 แห่งอยู่ใน 13 อันดับถ้ำที่ลึกที่สุดในประเทศไทย ถ้ำผาแดงได้รับการยืนยันว่าเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดอันดับ 2 ของประเทศไทยที่ความลึก 299 เมตร
หลังจากหายไปนานเนื่องจากโควิด ทีมงาน Progression Caving ได้กลับไปที่อ่างขางอีก 2 ครั้งในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2022 และค้นพบ Ladder Cave ซึ่งมีความลึก 314 เมตร ทำให้กลายเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยและดันให้ถ้ำผาแดงกลายเป็นถ้ำที่ลึกเป็นอันดับ 3 แม้จะตื่นเต้นกับกาสำรวจถ้ำที่ลึกที่สุดอันดับ 2 และ 3 ของประเทศไทย เราก็รู้ว่าถ้ำผาผึ้งยังลึกลงไปอีกกว่า 150 เมตรและอยู่ในรายการสำรวจของเราเสมอ เราพร้อมสำหรับความท้าทาย โอกาสที่จะได้กลับมาร่วมงานกับทีมสำรวจอ่างขางของอังกฤษในปี 2020 และแขกรับเชิญพิเศษอย่างจอน โวลันเธน และ คริส จีเวล ถือเป็นโบนัส เราไม่ได้พบจอนหรือคริสตั้งแต่เราทำงานร่วมกับพวกเขาระหว่างการกู้ภัยถ้ำหลวงในเดือนกรกฎาคม 2561
วันที่ 23 มกราคม ผม, มาริโอ้ ไวลด์, ณัฐ อิงวณิช (อิคคิว), สุวิทย์ ทายะ (บอม) ขนของขึ้นรถสองคันและมุ่งหน้าไปยังบ้านมณีพฤกษ์ในจังหวัดน่าน มาร์ตินส่งรายละเอียดของแผนที่เพื่อใช้ในการติดตั้งอุปกรณ์มาให้เรา รวมถึงภาพด้านบนสุดของปล่องถ้ำ ดังนั้นเราจึงพอเข้าใจถึงสิ่งที่เราจะต้องเผชิญ ผมได้พูดคุยกับพอลเพื่อที่เขาจะได้แบ่งปันสิ่งที่เขาทำในการสำรวจสองครั้งแรกของเขา ในการสำรวจครั้งแรก เขากล่าวว่าพวกเขาวางท่อเจาะถ้ำขนาด 8 มม. ด้วยมือ และในการสำรวจครั้งต่อมา พวกเขาเพิ่มการเจาะรีบีเลย์ด้วยสว่านเพื่อจัดการกับจุดเสียดสีที่อาจเกิดขึ้น ทุกอย่างดูค่อนข้างตรงไปตรงมาและเราได้นำเครื่องมือมามากมาย เรามี bolts, removable bolts,แบตเตอรี่สำหรับสว่านจำนวนมาก และสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
วันที่หนึ่ง
เราไม่ได้กังวลว่าจะต้องเริ่มการสำรวจแต่เช้า เพราะเรามีเวลา 3 วันในการเข้าถึงพื้นถ้ำก่อนที่คนอื่นๆ จะมาถึง เราออกจากที่พักเวลา 13.00 น. เรามีเชือก HTP Static 9 มม.ความยาว 20-40 เมตรจำนวนหนึ่ง เชือก HTP Static 10 มม. ยาว 100 เมตร 1 เส้น และเชือก HTP Static 10 มม. ยาว 200 เมตร 1 เส้น, bolts 50 ชิ้น, bolts แบบถอดได้จำนวนหนึ่ง คาราบิเนอร์และควิกลิงค์จำนวนมาก เราชอบเชือก HTP Static เพราะยืดได้น้อยซึ่งมีประโยชน์ในปล่องขนาดใหญ่ เราวางแผนที่จะใช้เชือก 200 เมตร เนื่องจากจะต้องมีการห้อยอยู่กลางอากาศประมาณ 90-100 เมตรที่ The Fitch Pitch และเชือก 100 เมตรจะใช้สำหรับโถงที่เต็มไปด้วยฟอสซิลที่มีความลึก 68 เมตร
เมื่อเรามาถึงทางเข้าพวกเราก็ตกตะลึง ผมไม่คิดว่าจะมีใครรู้มาก่อนว่าถ้ำผาผึ้งใหญ่ขนาดไหน ทางเข้านั้นน่าประทับใจและมีขนาดใหญ่ เราเดินลงทางลาดบนก้อนหินซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และพบปล่องแรกที่ความลึก 7 เมตร เราเจาะแองเคอร์ใหม่ที่ปากปล่องอย่างรวดเร็ว และติดตั้งเชือกขนาด 9 มม. พอถึงพื้นถ้ำ เราสับสนเล็กน้อย พื้นถ้ำค่อนข้างเปียกและมีน้ำผ่านในลักษณะน้ำตกที่ทำให้เกิดทางปีนลงได้ง่ายแต่ลื่น หรือสามารถมุดเร็วๆ ไปทางด้านหลังน้ำตกเพื่อให้เปียกเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เราไม่เห็นการกล่าวถึงน้ำตกในบันทึกต้นฉบับเลย และเริ่มสงสัยว่าเราพลาดอะไรไปหรือเปล่า
เมื่อเราไปถึง The Fitch Pitch เราพบ bolt ดั้งเดิมบางส่วนและแองเคอร์ธรรมชาติที่เราจำได้จากภาพของการสำรวจ แต่ผมคิดว่ามีน้ำปริมาณค่อนข้างเยอะที่ปากปล่องและสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในรายงานการเดินทางต้นฉบับเลย มาริโอ้และอิคคิวทำการติดตั้งสายเซฟตี้ และเราทำแองเคอร์จากเว็บบิ้งขนาดใหญ่โดยใช้แองเคอร์ธรรมชาติ มีน้ำมากเกินกว่าที่เราคาดไว้และbolt เดิมไม่พบ เราตัดสินใจจบงานของวันและกลับมาหาอาหารอร่อย ๆ ที่ปรุงโดยโฮสต์ของเรา
วันที่สอง
ในวันถัดไปเรามีเป้าหมายที่จะติดตั้งระบบเชือกที่ The Fitch Pitch ให้สำเร็จ เรานำ bolt สว่าน และเชือก ลงไปไว้ที่ด้านบนสุดปล่อง และทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อลงไปที่ปากปล่อง ผมเตรียมพร้อมและเริ่มลงไปตามปล่อง ในช่วงแลกปล่องค่อนข้างแคบและค่อยๆ ขยายออกเป็นโถงขนาดมหึมาอย่างรวดเร็ว เสียงน้ำทำให้แทบไม่ได้ยินอะไรเลย โถงถ้ำระบบสภาพอากาศของตัวเองโดยมีลมเย็นพัดมาจากด้านล่าง ผมเริ่มสงสัยใจตัวเองว่าเราควรไปต่อหรือไม่ มีน้ำมากเกินไปหรือเปล่า หรือเราควรจะรอทางทีมงานมาก่อน
ผมพบตัว rebelay เดิมตัวแรกอยู่ลึกลงไปประมาณ 7 เมตรและวาง bolt สองตัวไว้ทางซ้ายเพื่อให้แนวเชือกออกห่างจากน้ำตก ผมเดินต่อไปอีก 8 เมตรเพื่อมองหา rebelay ตัวต่อไป ผมถูกน้ำตกสาดใส่และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้สว่านเปียก หลังจากมองไปรอบๆ ประมาณ 5 นาที ผมก็พบ Rebelay เดิมอยู่กลางร่องน้ำ ทำให้รู้ว่าปีนี้น้ำเยอะขึ้น ผมเจาะ rebelay อีกอันไปทางซ้ายเพื่อให้เชือกออกห่างทางน้ำและป้องกันเชือกไม่ให้เสียดสีกัน ผมพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเก็บสว่านให้แห้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากตัวผมเองก็เปียกโชกในท้ายที่สุด
ากจุด Rebelay ผมรู้ว่าผมต้องมองหาทางด้านข้างขนาดใหญ่ที่มาร์ตินและพอลบอก ผมโรยตัวลงไปที่แง่งหินขนาดใหญ่ที่สามารถก้าวอ้อมน้ำตกไปทางขวาได้ ผมมองหา bolt สำหรับทางด้านข้าง หาแล้วหาอีกแต่ก็ไม่เจอ และผมเองก็หาจุดยึดสำหรับ Rebelay จากการสำรวจดั้งเดิมไม่พบ ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาสิ่งที่ดูเก่า และในที่ผมก็หาเจอและพบว่า ผมได้ผ่าน Bolt เหล่านั้นไปแล้ว ซึ่งจุดเหล่านั้นอยู่เหนือผาขึ้นไปประมาณ 5 เมตร และแง่งหินที่มาร์ตินและพอลพูดถึงก็อยู่สูงกว่ามาก ในช่วงที่มีน้ำน้อยกว่านี้มันดูสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะสามารถไปถึงที่นั่นได้อย่างง่ายดาย แต่ในปัจจุบันไม่มีทางที่จะไปถึงบริเวณนั้นด้วยน้ำตกแบบนี้ ปรากฎว่าแง่งหินที่ผมพบนั้นดีกว่ามาก และพบว่าผมสามารถสร้างแองเคอร์บนผนังที่ยื่นออกมาซึ่งอยู่ใต้บริเวณที่บีเลย์ก่่อนหน้านี้ประมาณ 15 เมตร ปัญหาเดียวตอนนี้คือผมเปียกโชกและหนาวจัด และเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ผมไม่สามารถถือสว่านให้นิ่งได้และเริ่มรู้สึกกระวนกระวายว่าอาจไม่สามารถปีนกลับขึ้นไปได้ ผมทำเครื่องหมายบนหินที่ผมคิดว่าควรเป็น Rebelay ตำแหน่งต่อไป ก่อนที่จะปีนเชือกกลับขึ้นไปอบอุ่นร่างกาย
เมื่อผมขึ้นไปถึงด้านบน พอล เบคก้า และคนอื่นๆ จากทีมอังกฤษได้มาถึงแล้ว ผมดูหนาวอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกที่เปียกออก พอลมองดูปล่องถ้ำอย่างรวดเร็วและพูดว่า
“เราไม่เคยเห็นน้ำมากเท่านี้มาก่อน”
นั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยกับความลังเลของผม กลุ่มเห็นตรงกันว่าควรดำเนินการต่อและดูว่าน้ำในลำธารด้านล่างมีเท่าใด มาริโอ้ถือสว่านและลงไปยังจุด rebelay ที่ผมทำเครื่องหมายไว้ เขาเจาะ bole สองตัวสำหรับแองเคอร์ที่จุดสูงสุดของปล่องถ้ำแล้วกลับขึ้นมา เมื่อผมรู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อย ผมกลับลงไปและลงต่อไปอีก 15 เมตรจากจุดที่มาริโอ้ทำ Rebelay เมื่อผนังเริ่มขยายกว้างขึ้น ผมก็สามารถหาจุดที่เหมาะสมและเจาะโบลต์สำหรับ Rebelay อีก 2 ตัว ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายของการโรยตัวลงกลางอากาศที่ความลึก 93 เมตร ถ้ำนี้ใหญ่และกว้างมากแม้จะเปิดไฟฉายที่ความสว่างสูงสุด ผมก็มองแทบจะไม่เห็นอะไรจริงๆ และลมที่พัดมาจากด้านล่างก็เย็นยะเยือก ผมตัวเปียกอีกครั้ง ผมจึงกลับขึ้นมาและจบภารกิจของวัน
เรารวมกลุ่มกับทุกคนที่กลับมาที่แคมป์โดยมีแผนจะกลับลงมาในวันรุ่งขึ้นและติดตั้งอุปกรณ์บริเวณโถงฟอสซิลหรือติดตั้งที่บริเวณลำธารใต้ถ้ำ หรือทั้งสองอย่าง
วันที่สาม
เราเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่ก็ตื่นเต้นที่จะได้กลับมาที่ถ้ำอีกครั้ง หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเช้าแล้ว เราก็มุ่งหน้ากลับไปที่ถ้ำ เรานำวิทยุติดตัวไปด้วย เพื่อที่เราจะสามารถสื่อสารกับทีมทางด้านบนเมื่อเราลงไปถึงด้านล่าง มาริโอ้ไปก่อน เขาค่อยๆ หายไปตามทางที่ติดตั้ง Rebelay แสงไฟของเขาจางลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็วิทยุขึ้นมาว่าเขาถึงด้านล่างแล้ว ผมตามลงไป ปล่องถ้ำนั้นดูน่าเหลือเชื่อและรู้สึกเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด ผมโรยตัวลงช้าๆ และค่อยๆ หมุนตัวไปรอบๆ และมองเห็นว่าโถงถ้ำใหญ่แค่ไหน อุปกรณ์ที่เราติดตั้งยังทำงานได้ดี เราโรยตัวลงไปถัดจากน้ำตกเพื่อสัมผัสกับละอองน้ำให้น้อยที่สุด แม้ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถลงไปได้โดยไม่เปียก เมื่อผมมาถึงด้านล่าง และพบกับมาริโอ้ ผมก็ส่งสัญญาณวิทยุไปยังอิคคิวและบอมเพื่อให้พวกเขาลงมา
เรามองหาตำแหน่งของโถง Fossil และหลังจากเดินสำรวจผ่านถ้ำที่มีลักษณะสวยงามเข้าไปประมาณ 20 นาที เราก็พบสลัก Bolt ดั้งเดิมของ พอลที่บริเวณโถง Bypass ผมเคาะไปรอบๆ ด้านบนเพื่อหาตำแหน่งของจุดด้านบนปล่องถ้ำ และพบช่องที่เหมาะและดูเหมือนจะลงไปยังแท่นหินที่ยื่นออกมา ซึ่งนักดำน้ำสามารถวางอุปกรณ์ของพวกเขาได้
บอมเจาะแองเคอร์ชุดแรกและมาริโอ้ก็ลงไปวาง Rebelay อีกอันที่จุดบนสุดของปล่องถ้ำที่ตรงดิ่งอย่างสวยงาม บอมโรยตัวลงมาและติดตั้ง Rebelay เพิ่มเติมซึ่งนำเขาไปยังแท่นหินที่พอลเคยเห็น แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้เมื่อ 10 ปีก่อน เขาเพิ่ม Bolt หนึ่งอันเหนือน้ำซึ่งจะทำให้คริสสามารถโรยตัวลงไปในน้ำและยืนอยู่บนแท่นหินเล็ก ๆ ใต้ waterline ได้ แล้วเชือก 100 เมตรก็มาถึงด้านล่าง
ในขณะที่บอมและมาริโอ้กำลังใกล้เสร็จ อิคคิวก็กำลังขึ้นจาก The Fitch Pitch และผมเริ่มโรยตัวลงไปที่ลำธารเพื่อดูว่ามีน้ำเยอะแค่ไหน เราประหม่าเล็กน้อยที่ต้องใช้อุปกรณ์เก่าที่ติดตั้งมาแล้วมากกว่า 10 ปี แต่ผมเพิ่งน้ำหนักลงไป 10 กิโลกรัม ผมจึงปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร ผมโรยตัวลงไป 3 หรือ 4 ช่วงของถ้ำและปีนลงไปอีกเล็กน้อยจนถึงจุดที่เชือกหมดและไปต่อไม่ได้อีกแล้ว เมื่อผมกลับขึ้นมา บอมเริ่มขึ้นจาก The Fitch Pitch ส่วนมาริโอ้กับผมนั่งเล่นเพื่อดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่พื้นถ้ำอีกเล็กน้อย เป็นวันที่เราทำงานได้ดีและเราตั้งตารอที่จะเล่าให้ทีมด้านบนฟัง
เมื่อเราขึ้นมาบนพื้นดินก็แจ้งข่าวดี คริสกับจอนเพิ่งเดินทางมาถึง เราแสดงภาพลำธานที่โถงด้านล่างให้พวกเขาดูเพื่อให้พวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะไปเจอ เพื่อนของรา Sudeep Subrahmanya ซึ่งเดินทางมาจากอินเดียก็เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน เราตื่นเต้นมากที่ได้พบกันอีกหลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน คริสและจอนวางแผนที่จะลงไปที่ลำธารในโถงชั้นล่างวันรุ่งขึ้นเพื่อดูแอ่งและประเมิณว่าจะสามารถดำลงไปได้หรือไม่
เราพร้อมสำหรับวันพักแล้ว
การเตรียมตัวดำน้ำ
คริสและจอนกลับมาจากการสำรวจ พวกเขาใช้เชือกและBolt ทั้งหมดที่เราทิ้งไว้ที่ด้านล่างของ The Fitch Pitch และเมื่อถามว่าว่าพวกเขาสามารถดำน้ำในแอ่งปลายทางได้หรือไม่ จอนกล่าวว่า
“มันเลอะเทอะไหมด แต่ก็ต้องทำไม่ใช่เหรอ”
เราเริ่มวางแผนสำหรับการดำน้ำ มันอาจจะใช้เวลาถึงสองวัน ในวันแรกจอนจะดำลงไปในแอ่งน้ำที่ลำธารด้านล่าง คริส เบคก้า สุดีป มาริโอ้ และผมจะช่วยขนอุปกรณ์ไปที่ด้านล่างของลำธารเพื่อช่วยในการดำน้ำ เมื่อเสร็จแล้วเราจะกลับไปที่ด้านล่างของ The Fitch Pitch และวางถังอากาศที่ไม่ได้ใช้งานและอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ที่นั่นเพื่อใช้ในวันถัดไปเมื่อ คริสจะดำน้ำในหลุมสุดท้ายในโถงฟอสซิล จากนั้นเราขึ้นมาด้านบนเพื่อพักผ่อนและเดินทางกลับในเช้าวันรุ่งขึ้น
การดำน้ำในลำธาร
เราออกจากแคมป์ประมาณ 9 โมงเช้า พวกเราแต่ละคนมีอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ถังอากาศ ชุดเว็ทสูท เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ Fitch Pitch ช่วยกระจายพวกเราออกไป และพวกเราทั้งหมดก็จับกลุ่มกันใหม่บริเวณแอ่งที่จอนเริ่มเตรียมตัวสำหรับการดำน้ำ ถ้ำนั้นอบอุ่นและสบายในขณะที่เคลื่อนไหวร่างกาย แต่เมื่อเราหยุดก็หนาวเย็นอย่างง่ายดาย โชคดีที่เบคก้านำสิ่งที่ให้ความอบอุ่นมาซึ่งช่วยให้ผู้คนอุ่นขึ้นในขณะที่เรารอจอนดำน้ำ
แม้ว่าผมจะมีความสนใจในการดำน้ำในถ้ำ แต่ก็ยากที่จะบอกว่าถ้ำแห่งนี้ดูน่าสำรวจ น้ำเป็นโคลนที่ทัศนวิสัยต่ำและลึกเพียงไม่กี่ฟุต มันยังเต็มไปด้วยเศษขยะ เช่น ขวดพลาสติก รองเท้า และสิ่งของอื่นๆ จอนผูกสายดำน้ำ นอนคว่ำ แล้วค่อยๆ จมหายไปในแอ่ง คริสกล่าวว่าสัญญาณแสดงว่านี่คือทางสำรวจที่ดีหรือไม่คือ การที่จอนกลับออกมาโดยหัวนำมาก่อนก่อนหรือเท้านำมาก่อนก่อน ในอีก 40 นาทีต่อมา จอนพยายามดำน้ำหลายๆ ครั้ง ในแต่ละครั้งเท้าของเขานำออกมาก่อน เมื่อเขาถอยออกจากบ่อและอัปเดตให้เราทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบ โดยพื้นฐานแล้วพื้นเป็นพื้นทรายที่เล็กลงเรื่อยๆ โดยไม่มีทางไปต่อได้ ผลที่ได้คือความยาวอีก 10 เมตรและความลึก 2 เมตรที่เพิ่มขึ้นในถ้ำ
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ข่าวดีที่เราคาดหวัง แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สามารถยุติคำถามที่ว่าถ้ำจะยาวต่อออกไปอีกหรือไม่ เราช่วยจอนรื้ออุปกรณ์ และเริ่มปีนเชือกกลับขึ้นสู่พื้นดินด้านบนด้วยระยะ 468 เมตร เตรียมอุปกรณ์สำหรับโถงฟอสซิลและนำถังที่ใช้แล้วออกมาเติมบนพื้นผิว
การดำน้ำในโถงฟอสซิล
We made quick work to get down to the fossil series. This dive looked much more inviting than the streamway. A large sump about 6 meters in diameter of greenish water awaited. The visibility seemed better. We regrouped at the bottom of the pitch and helped Chris kit up.
จุดประสงค์ของวันสุดท้ายของเราคือให้คริสดำน้ำในโถงฟอสซิล มาริโอ้ เบคก้า จอน และผมจะช่วยขนอุปกรณ์สำหรับการดำน้ำและรื้ออุปกรณ์ในโถงฟอสซิล แคล ร็อบ และหลุยส์จะสำรวจลำธานด้านล่างและรื้ออถปกรณ์บริเวณลำธาร รวมถึงช่วยเหลือการรื้ออุปกรณ์ที่ The Fitch Pitch
เราทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อลงไปโถงฟอสซิล การดำน้ำนี้ดูน่าดึงดูดกว่าลำธารของวันก่อน แอ่งน้ำขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เมตรสีเขียวกำลังรออยู่ ทัศนวิสัยก็ดูดีขึ้น เรารวมกลุ่มกันใหม่ที่ด้านล่างของสนามและช่วยคริสเตรียมอุปกรณ์ คริสกระโดดลงไปในบ่อ แล้วเราก็ส่งอุปกรณ์ที่เหลือให้เขา
คริสเริ่มดำน้ำ เราสามารถเห็นแสงของเขาเคลื่อนไปรอบ ๆ ขอบบ่อจนกระทั่งแสงจางลง หวังว่านี่หมายความว่าเขาพบสิ่งที่เรารอคอย เขาโผล่ขึ้นมาอีก 2-3 ครั้งแล้วก็กลับลงมาจนในที่สุดการดำน้ำก็สิ้นสุดลง เช่นเดียวกันกับจอน คริสเพิ่มความลึกลงไปอีกประมาณ 4 เมตร แต่โดยพื้นฐานแล้วพบเพียงก้นตะกอนที่แน่นเกินไปที่จะดำเนินการต่อโดยทัศนวิสัยแย่ลงในไม่กี่นาที
นี่เป็นการยืนยันความลึกสุดท้ายของถ้ำผาผึ้งและเสร็จสิ้นการสำรวจและทำแผนที่ถ้ำ
การรื้อถอนอุปกรณ์
เมื่อดำน้ำเสร็จ เราก็มุ่งหน้าสู่ผิวดิน แต่ละคนนำอุปกรณ์ติดตัวไปด้วย ผมรอรื้ออุปกรณ์ที่โถฟอสซิลง เก็บเชือกยาว 100 เมตรกลับเข้าไปในกระเป๋า และมุ่งหน้ากลับไปที่ Fitch Pitch คริส จอน เบคก้า และมาริโอ้ต่างปีนเชือกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ละคนถืออุปกรณ์ติดตัวไปด้วย การขึ้นสู่ Fitch Pitch ด้วยเชือกยาว 100 เมตรและอุปกรณ์ส่วนตัวเป็นงานที่หนักพอตัว แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพมากว่านี้ในการนำอุปกรณ์ขึ้นไปอุปกรณ์ เมื่อผมไปถึงจุดบนสุด ผมรอ ร๊อบ หลุยส์ และแคล เพื่อช่วยพวกเขารื้อถอนอุปกรณ์
ขณะที่ร็อบรื้อส่วนที่น่ากลัวบริเวณลำธาร แคลก็มีงานใหญ่ที่ต้องรื้อถอนอุปกรณ์ที่The Fitch Pitch ซึ่งหมายความว่าเขาต้องห้อยตัวอยู่ในร่องน้ำและถอดอุปกรณ์ออกในขณะที่ขึ้นมา พร้อมกับเก็บเชือกลงในถุงเชือกและนำขึ้นมาเพื่อไม่ให้ติดขอบหิน มันเป็นความพยายามที่เหลือเชื่อ ขณะที่เรารอให้ Cal มาถึง หลุยส์ก็หยิบถุงเชือกขนาดมหึมาสองถุงและมุ่งหน้าไปยังผิวดิน ทำให้พวกเราที่เหลือทำงานง่ายขึ้นมาก เมื่อแคลมาถึง ร็อบหยิบเชือกยาว 200 เมตรอย่างกล้าหาญและมุ่งหน้าไปยังผิวดิน เราออกจากโถงความสูง 7 เมตรขณะที่ ร็อบ และคนอื่นๆ ยังคงสำรวจน้ำตกที่ต้นน้ำและจะกลับมาในอีกไม่กี่วันต่อมา
เมื่อเรามาถึงรถ จอน คริส มาริโอ้ และทีมงานกำลังรอพร้อมครีมแสนอร่อยในมือ เรามุ่งหน้ากลับไปที่แคมป์เพื่อเฉลิมฉลองการเดินทางที่ประสบความสำเร็จ
เติมไฟให้ความก้าวหน้า
การสำรวจถ้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่เหมือนใคร อาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวและไม่แน่นอน เช่นเดียวกับหลายๆ ส่วนในชีวิต แต่มันมีความสามารถที่น่าทึ่งในการทำให้เราโฟกัสกับปัจจุบัน เมื่อเราอยู่ใต้ก้อนหินลึกลงไปใต้ดินหลายพันเมตรแล้ว เริ่มไม่มั่นใจและถามตัวเองว่าจะไปจบที่จุดไหน ไม่มีอะไรที่เราทำได้นอกจากยอมรับสถานการณ์ เมื่อเรายอมรับสถานการณ์นั้นแล้ว เราจะมีความชัดเจนและเราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไปและดำเนินการอย่างตั้งใจเพื่อไปสู่เป้าหมายต่อไปของเรา นี่เป็นสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับการสำรวจถ้ำ ถ้ำเป็นครูที่ยอดเยี่ยมที่คอยเตือนให้ผมเห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้ และการเอาชนะอุปสรรคที่ยากลำบากนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก การทำงานหนักนั้นช่วยเติมเต็มเราแม้ว่าเราจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็ตาม
การได้มีโอกาสสนับสนุนนักดำน้ำในถ้ำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกสองคนในการพยายามสำรวจถ้ำให้ยาวออกไปนั้นถือเป็นเกียรติอย่างเหลือเชื่อ การได้ทำงานร่วมกับทีมของผมและเห็นพวกเขาแสดงทักษะและความพยายามที่ยอดเยี่ยมเป็นแรงบันดาลใจและทำให้ฉันภูมิใจ การเดินทางครั้งนี้เปิดโอกาสให้ทีมของเราได้ทดสอบทักษะของเรา ร่วมมือกับผู้อื่น และสร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้นต่อไป มันยืนยันว่าเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้า เราต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายเราอยู่เสมอ และท้ายที่สุดให้โอกาสเราเอาชนะความกลัวของเรา ในแต่ละความท้าทายที่ประสบความสำเร็จ ความท้าทายใหม่จะถูกเปิดเผย นี่คือสิ่งที่ทำให้เราก้าวไปสู่สถานะที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและเติมไฟให้ความก้าวหน้าของเรา
บทส่งท้าย
เมื่อเรากลับถึงแคมป์ ผมหยอกพอล
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงขอให้เราลงไปติดตั้งอุปกรณ์ให้ก่อน”
เป็นนัยว่าเขาอาจรู้บางอย่างเกี่ยวกับปริมาณน้ำและความพยายามที่ต้องใช้เพื่อลงไปที่ด้านล่าง ผมพูดอย่างติดตลก ในขณะที่เขาและทีมเดิมของเขาทำสิ่งทั้งหมดด้วยสว่านมือซึ่งน่าจะเป็นงานใหญ่ เราหัวเราะด้วยกัน ขอบคุณที่ไม่มีอะไรต้องอีก เราได้ตอบคำถามว่าถ้ำไปต่อหรือไม่ ได้เวลามองหาเป้าหมายต่อไปแล้ว